top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนBEMEE

Silk Tricks EP.1 เลือกผ้าไหมอย่างไรให้คุ้มแบบ ชุดเดียวเปรี้ยวทุกงาน !!!

อัปเดตเมื่อ 30 มิ.ย. 2564


เมื่อก่อนการเลือกซื้อผ้าไหมสักชิ้นคงไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดมาก แต่ในช่วงข้าวยากหมากแพงแบบนี้ ถ้าไม่ใช่งานสำคัญจริงๆเราคงไม่ตัดสินใจซื้อผ้าไหมง่ายๆเป็นแน่


วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกผ้าไหมแบบมีขั้นตอนสำหรับออกงาน ที่เหมาะสมกับปัจจุบันกันค่ะ


สมัยนี้งานต่างๆมักจะมีธีมติดตามมาด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสีของงาน หรือ สไตล์การจัดงานที่เรามักจะต้องหาชุดให้เข้ากับงานนั้นๆเสมอ มาดูข้อกำหนดต่างๆที่จะช่วยให้เราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดมาตัดเป็นชุดคู่ใจกันค่ะ


1. สีของธีม vs สีของเรา (งานมีธีม แต่เราต้อง Keep Look เป็นตัวเองให้มากที่สุด)


หากว่าธีมงานเป็นสีมิ้นท์แสนสดใส แต่เราดันเป็นคนชอบสีเข้ม สิ่งที่ทำได้คือการเลือกสีผ้าให้ดู เข้ากับงานที่สุด แต่เป็นเราที่สุด ถ้าเราฝืนใจซื้อผ้าตามธีมโดยไม่นึกถึงความชอบของตัวเองแล้ว ร้อยทั้งร้อย ใส่ครั้งเดียวแล้วแขวนลืมไปเลยค่ะ เลือกผ้าไหมทั้งที ควรจะเลือกสีที่เราชอบ ใส่แล้วสบายใจ



2. Less is more ผ้าสวยอยู่แล้วแค่แบบเรียบๆผ้าไหมก็เอาอยู่ (ไม่จำเป็นต้องแต่งเพิ่ม ขอแค่เครื่องประดับ กับรองเท้าสวยๆก็พอ)


ผ้าไหมเป็นผ้าที่มีเนื้อเงางาม เป็นเอกลักษณ์ไม่จำเป็นต้องตกแต่งมากเหมือนผ้าชนิดอื่น พูดได้ว่าสามารถโดเด่นได้ด้วยตัวเอง


การเลือกแบบสำหรับไปงานแต่งงาน หรืองาน event ต่างๆควรเลือกให้มีความเรียบง่าย เป็นอันดับ 1 ไม่ว่าจะเป็นเดรสตัวยาวสำหรับงานราตรี หรือ ชุดไทยงานเช้าก็ควรเลือกแบบง่ายๆสามารถนำไปประยุกต์ใส่กับผ้าชิ้นอื่นได้ เช่นการเลือกตัดชุด 2 ชิ้น หรือ ตัดเป็นเสื้อคลุมแทน ทำให้นำไปมิกซ์แอนด์แมทช์กับกางเกงยีนส์ และ เสื้อคอเต่าได้ในวันชิวๆ


ที่สำคัญที่สุดคือใส่แล้วชุดจะต้องช่วยส่งเสริมให้บุคลิกของคุณดีขึ้นและมั่นใจมากขึ้น


***เคล็ดลับ คือ ลองจินตนาการดูค่ะว่าแบบที่เราเลือกสามารถนำไปปรับใช้กับงานอื่นได้มากน้อยเพียงใด เพราะยิ่งมากก็ยิ่งคุ้ม!!!


3. หาร้านตัด


ร้านตัดผ้าคนใส่ผ้าไหมส่วนใหญ่จะมีช่างประจำตัวอยู่แล้ว ซึ่งเราแนะนำให้ตัดผ้าไหมกับช่างที่รับตัดชุดผ้าไหมอยู่แล้วนะคะ เพราะผ้าชนิดนี้ค่อนข้างตัดยาก คนที่ไม่คุ้นเคยอาจทำผ้าเสียหายได้



4. คำนวนผ้า (แนะนำให้วัดตัวแบบละเอียดไปเลยทีเดียวค่ะ)


พอได้ช่างแล้วเราก็นำแบบที่เราเลือกไว้ส่งให้ช่างคำนวนผ้าดูค่ะ ว่าใช้ทั้งหมดกี่หลา เนื่องจากผ้าไหมส่วนใหญ่ขายเป็นหลา ถ้าช่างไม่เคยตัดผ้าไหมมาก่อน อาจจะคำนวนยากนิดนึง


แต่ถ้าเราข้ามขั้นตอนหล่ะ ซื้อผ้ามาก่อนได้ไหม? ก็ได้เหมือนกันค่ะ แต่ส่วนใหญ่ทางร้านจะแนะนำให้ซื้อเป็นจำนวนมาตราฐานไปก่อน 4 หลา แต่ถ้าผ้าไม่พอหล่ะ? กลับไปที่ร้านผ้าก็หมด สิ่งที่ทำได้คือหาผ้าชนิดอื่นมาแต่งเพิ่มค่ะ


สิ่งสำคัญในการซื้อผ้าไหมที่ทุกคนต้องรู้คือ ผ้าไหมผลิตในจำนวนไม่มาก ควรซื้อผ้าให้พอในครั้งเดียว


***เคล็ดลับ ควรใส่ชั้นในตัวเดียวกันกับที่จะใส่ไปงาน ในการวัดตัว เพื่อทำให้ช่วงหน้าอกไม่คับหรือหลวมจนเกินไป


5. เข้าร้านผ้า ตามหารักแรกพบ


ทำไมต้องเป็นรักแรกพบ ไม่ใช่รักแท้ (โดยใช้สเปคจากหัวข้อด้านบน เป็นตัวตัดสินใจ)


นั้นเป็นเพราะหลายคนมักจะ ตัดสินใจซื้อผ้าชิ้นแรกที่ตัวเองหยิบ คิดเป็น 85% ของลูกค้าทั้งหมดเลยทีเดียว และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือผ้าไหมส่วนใหญ่มีเพียงชิ้นเดียวค่ะ บางครั้งซื้อผ้าชิ้นอื่นไปที่เข้ากับธีมงานมากกว่าไปแทน วันต่อมาจะซื้อก็สายไปเสียแล้ว


ผ้าที่คุณตัดใจไม่ลง = ชิ้นที่ใช่สำหรับคุณ



6. เทียบผ้า ไม่ต้องสีเดียวกันแป๊ะก็สวยได้

หากชุดในฝันของคุณต้องใช้ผ้าชนิดอื่นนอกจากผ้าไหม สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคือ จำแนกประเภทผ้าที่จะใช้โดยหาซื้อผ้าไหมก่อน แล้วค่อยนำผ้าไหมไปเทียบกับผ้าชนิดอื่น


เพราะผ้าไหมนั้นไม่ได้มีสีให้เลือกมากนักค่ะ หากนำไหมไปเทียบกับผ้าลูกไม้จะสามารสหาผ้าได้เร็วกว่ามาก ถ้าเทียบกับการนำผ้าประเภทอื่นมาเทียบกับผ้าไหม เพราะส่วนมากจะหาผ้าที่เข้ากันได้ยากมากกกก (เคยเจอคนที่ทียบมาทั้งอำเภอแล้วยังหาผ้าไม่ได้ก็มีนะคะ)


***เคล็ดลับ คือ เราไม่จำเป็นต้องใส่ผ้าสีเดียวกันทั้งชุด ควรจะเลือกผ้าสีอ่อนเพื่อทำให้บางจุดโดดเด่นขึ้น และ ควรเลือกใช้สีเข้มในจุดที่เราอยากปกปิดไม่มั่นใจ


เช่น หากคุณมีหุ่นทรงลูกแพร์ หน้าอกเล็กสะโพกใหญ่ ก็ควรเลือกผ้าสีอ่อนสำหรับส่วนบนของชุด และ ใช้สีเข้มในช่วงล่างเพื่อปกปิดสะโพก วิธีนี้จะช่วยทำให้รูปร่างดูสมส่วนขึ้นได้


เท่านี้ก็เป็นเสร็จเรียบร้อยสำหรับการเลือกชุดออกงานของเราแล้วค่ะ ตอนต่อไปเราจะมาเจาะลึกวิธีการเทียบผ้าไหมให้เราดูมีสไตล์มากยิ่งขึ้น!!!



โพสต์ที่คล้ายกัน

ดูทั้งหมด
bottom of page